หลวงปู่ชอบ ฐานฺสโม
(๒๔๔๔ – ๒๕๓๘)
วัดป่าสัมมนุสรณ์ ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย
     
 
นามเดิม
 
บ่อ แก้วสุวรรณ
 
เกิด
 
วันพุธ ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๔๔ ขึ้นห้าค่ำ เดือนสาม ปีฉลู
 
 
บ้านเกิด
 
บ้านโคกมน ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย
 
 
บิดามารดา
 
นายมอ และนางพิลา แก้วสุวรรณ
 
พี่น้อง
 
รวม ๔ คน ท่านเป็นบุตรคนโต
 
บรรพชา
 
อายุ ๑๙ปี ณ วัดบ้านนาแก บ้านนากลาง อำเภอหนองบัวลำภู จังหวัดอุดรธานี พระอาจารย์สนั่น
 
 
เป็นพระอุปัชฌาย์
 
อุปสมบท
 
อายุ ๒๓ ปีบริบูรณ์ วันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ ณ วัดสร่างโศก ซึ่งปัจจุบันมีชื่อว่า วัดศรีธรรมาราม
 
 
อำเภอเมืองยโสธร โดยมีพระครูวิจิตรวิโสธนาจารย์เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์แดงเป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ฐานสโม”
 
เรื่องราวในชีวิต
 
ท่านได้อยู่ช่วยบิดามารดาเลี้ยงน้องทำงานนา ปลูกพืชต่างๆ มาจนมีอายุได้ ๑๙ ปี ได้รับศีลอุโบสถ
 
นุ่งขาวห่มขาว ละบาปกรรมทั้งปวงอยู่ฝึกจิตใจกับท่านพระอาจารย์รส หลังจากนั้น ท่านได้บรรพชาได้ครองผ้าเหลืองอย่างสมใจท่านอยู่จำพรรษากับพระอาจารย์ ๑ พรรษา ออกพรรษาแล้วได้เดินทางมาที่อำเภอยโสธร จ.อุบล อายุ ๒๓ ปีได้อุปสมบท หลังจากนั้นท่านได้ออกเดินธุดงค์ ชนิดบุกเดี่ยวฝากชีวิตไว้กับพระรัตนตรัย บุกป่าฝ่าดงผจญสัตว์ป่านานาชนิด เอาความเป็นความตายเข้าแลก เพื่อความเป็นธรรมดีของพระพุทธเจ้า ท่านมีคติธรรมอยู่ว่า “อวิชชามันพาให้เกิด เมื่อถึงจะต้องตายก็ขอปลดอวิชชาไว้ข้างหลังให้เข้าป่าเข้าดงไป เราไม่ต้องการอีกต่อไป”
ขณะเดินธุดงค์มาถึง จ.เพชรบูรณ์ ก็ได้รับข่าวว่า “หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เที่ยวจารึกโปรดสัตว์ อยู่ทาง จ.เชียงใหม่” ท่านปีติดีใจ บุกป่าฝ่าดงเสือโคร่งที่คอยดักหน้าดักหลังสองตัว ในกลางดง อาศัยธรรมะเท่าที่มีอยู่ กับสติและจิตใจเด็ดเดี่ยว บุกไปจนพ้นนาทีปาฏิหาริย์ได้ ท่านจึงมักสอนว่า “ขอให้เชื่อจิตเชื่อธรรมนั้นเถิดเป็นเอกในโลกทั้งสามนี้แน่นอน” ท่านศิษย์ผู้ยิ่งยงองค์หนึ่งของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้ถูกทดสอบผ่านด่านต่างๆ มาอย่างโชกโชน กว่าจะได้พบกับพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน ท่านได้พ้นอุปสรรคที่เข้ามากีดขวางทางเดินของท่านไปด้วยความสุขและปลอดภัย การเดิมพันด้วยชีวิตนี้ เมื่อได้รับประโยชน์นั้นมา ท่านก็นำออกจำหน่ายจ่ายแจก ชี้ช่องทางแนะนำทางให้พวกเราทั้งหลายเดิน และได้ชี้จุดหมาย คือดวงประทีปแก้ว อันมีพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้าและพระสงฆ์เจ้า เป็นที่พึ่งที่ระลึกบูชา พร้อมกับการกระทำตนเองให้มี ทาน ศีล ภาวนา สิ่งเหล่านี้ โอปนะยิโก ให้น้อมเข้ามาสู่ดวงจิตดวงใจทุกๆ คน
ท่านเป็นพระธุดงค์ที่อาจหาญอย่างที่เรียกว่า ยอมตายถวายชีวิตแก่คุณงามความดี ท่านไม่เคยหวั่นเกรงภัยอันตรายเมื่อยามอยู่ป่าดง ท่านเดินธุดงคกรรมฐานบุกเดี่ยวชนิดเสี่ยงกับความเป็นความตายมาหลายครั้ง การเที่ยวติดตามครูบาอาจารย์นี้ นับได้ว่า ศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ทุกองค์ มีความอดทนเป็นที่สุด ท่านไม่คิดละถอนความพากเพียร มุ่งหาอรรถธรรมไปในป่าดงดิบต่างๆ จนจิตใจเคย จิตใจของท่านนั้น รักป่าดง รักความสงบสันโดษมากกว่าจะอยู่ในเมืองในวัดวาอารามท่านเคยเดินธุดงคกรรมฐานบุกไปถึงเมือง เวียงยอ ร่างกุ้ง มันดาเล ประเทศพม่า ซึ่งในสมัยที่ท่านเดินธุดงค์นั้น เป็นยุคสมัยสงครามชิงอำนาจความเป็นใหญ่ของประเทศอังกฤษ ซึ่งอังกฤษใช้อำนาจข่มขู่ชาวพม่า ในยามทุกข์ยามลำบากทั้งกายทั้งใจนี้เอง ท่านได้อยู่ช่วยโปรดพม่า ชาวบ้านป่า ให้เกิดความหวังในสิ่งที่ตนเองได้สูญเสียไป พร้อมทั้งให้ธรรมะ รักษาศีล บำเพ็ญภาวนา จนเป็นเหตุให้ชาวพม่ามีความรัก มีความเคารพเทิดทูนอย่างยิ่ง ลูกพุทธะองค์หนึ่งในป่าดงท่านได้เสียสละสิ้นทุกอย่าง แม้ชีวิตของท่าน เมื่อมีเหตุ จวนตัว อะไรจะมาสู้คุณพระรัตนตรัย
ท่านแผ่เมตตาบารมีอยู่เป็นปกติของจิตใจ ท่านค้นคว้าหาธรรมะเพื่อความพ้นทุกข์ ท่านไม่มีความอาลัยอีกต่อไปในรูป-นามของท่าน จิตที่เคยได้ฝึกอบรมมาดีแล้ว ย่อมมองเห็นสัจธรรมความเป็นจริงเสมอ ครั้งที่ท่านเดินธุดงค์กลับมาเมืองไทย ท่านต้องอดอาหารหลายวัน ความเป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยกาย วาจา ใจ ของท่าน ทำให้เทพเทวานิมิตมาใส่บาตร ด้วยความศรัทธา ครั้นได้ฉันอาหารทิพย์นั้นไปแล้ว บังเกิดความอัศจรรย์ คือ ท่านกลับมีพละกำลังกระปรี้กระเปร่า ออกเดินทางมาจนถึงเขตประเทศไทย ท่านสมกับเป็นพระสุปฏิบัติดีงาม คุณธรรมของหลวงปู่ท่านนี้ เป็นที่เคารพเทิดทูนไม่เพียงแต่คนไทยในชาตินี้เลย แม้แต่ชาวพม่า ป่าดงดอยที่ท่านเคยเดินธุดงค์ไปถึง เขาเหล่านั้นถือว่า หลวงปู่ชอบเป็นดวงแก้วดวงใจของพวกเขาเลยทีเดียวเช่นกัน
มรณภาพ
 
วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๘
ข้อมูลพิเศษ
 
* ท่านเป็นผู้ที่หลวงปู่มั่นไว้ใจให้เป็นตำรวจพระ โดยตรวจดูพฤติกรรมทางจิต
 
* ท่านชื่อว่าเป็นพระทรงอภิญญา
   
ธรรมโอวาท:
 

“...ธรรมดานิสัยของสัตว์โลกที่ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ สัตว์ใหญ่ย่อมกินสัตว์เล็ก ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ธรรมชาติเสือย่อมพอใจจะจับสัตว์ที่อ่อนแอกว่ากินเป็นอาหาร เช่น วัว เก้ง กวาง หรือสุนัข แต่มันก็มักจะจับเหยื่อก็ต่อเมื่อท้องร้องเตือนด้วยความหิว เจ้าเสือตัวนี้เข้าในเขตหมู่บ้าน กัดวัวตายไปถึง ๖ ตัว แต่คาบเอาไปเป็นอาหารแต่เพียงตัวเดียว ทิ้งซากวัวอีก ๕ ตัวที่เหลือไว้ให้ชาวบ้านเจ็บใจเล่น... ถ้าจับเอาไปใส่ปากใส่ท้องเป็นอาหารให้คลายหิวก็ยังพอทำเนา แต่นี่ไม่ใช่เช่นนั้น... น่าสงสารชีวิตวัวอีก ๕ ตัว ที่สิ้นไปโดยเปล่าประโยชน์ คงจะเพียงแสดงอำนาจให้ประจักษ์เท่านั้น ! ถ้าไม่เรียกเจ้าอันธพาลแล้วจะเรียกอะไร...”


“...นักภาวนาจะต้องเป็นผู้ไม่ ติดตระกูล ไม่ ติดญาติโยม ไม่ ติดถิ่น ไม่ ติดที่อยู่ หรือแม้แต่ ติดอากาศ ติดร้อน ติดหนาว ก็ไม่สมควรด้วยเช่นกัน ร้อนเกินไปหรือ... หนาวเกินไปหรือ... ต้องทดลองให้มันรู้แจ้งกันลงไป ให้จิตมันชนะกิเลสลงไป ให้แจ้งชัด ถ้าญาติโยมคุ้นเคย คลุกคลีมากไป ก็ต้องหนี...! ถ้าที่อยู่สะดวกสบายเกินไป มีความมักคุ้นเกินไป ก็ต้องหนีเช่นกัน…”

     
     
   
   
หน้าหลัก | หน้าก่อน | หน้าต่อไป   
     
     
 
วัดสันติธรรม ต.ช้างเผือก อ.เมือง จังหวัดเชียงใหม่ ๕๐๓๐๐
โทร. ๐๕๓-๒๒๑๗๙๒  ๐๘-๗๑๙๓-๓๑๖๙  ๐๘-๖๑๘๗-๓๙๔๒ และ ๐๘-๑๖๐๒-๗๕๐๐